ข่าวราชบุรี : 2 ตา ยาย สู้ชีวิต นำกะลามะพร้าว และเศษไม้ที่เหลือใช้ มาประดิษฐ์เป็นตุ๊กตา และรถเก่าโบราณ หวังมีรายได้เลี้ยงครอบครัวในชีวิตบั้นปลาย
ไปดูสิ่งประดิษฐ์จากกะลามะพร้าว และเศษไม้ที่เหลือใช้ ด้วยไอเดียเก๋ไก๋ของคุณลุงสวรรค์ ฮิงหลวง วัย 72 ปี และ คุณป้าศรีอวน เลิศทอง วัย 76 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 6 ต.บัวงาม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ซึ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านไม้เก่า 2 ชั้น ยกเสาร์สูง มีใต้ถุนบ้าน เป็นลักษณะบ้านไทยโบราณสภาพพุพังทรุดโทรมไปตามกาลเวลา สังเกตใต้ถุนบ้านจะมีชิ้นส่วนเศษไม้ที่ลุงได้เลื่อยใส่ถุงพลาสติกห้อยไว้เป็นจำนวนมาก ต้องค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านในเจออุปกรณ์การทำมาหากินของลุงสวรรค์ ที่ประกอบอาชีพด้วยการประดิษฐ์งานฝีมือจากกะลามะพร้าวและเศษไม้ ทำเป็นของเล่นเด็ก ของขวัญ ของโชว์ในตู้สวยงาม ไปขายตามแหล่งท่องเที่ยว แต่หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ความเป็นอยู่ใช้ชีวิตลำบาก ออกขายไม่ได้ รายได้มีไม่พอกับการใช้จ่าย มีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุของคุณลุงสวรรค์เป็นเงิน 600 บาท ของป้าศรีอวนเป็นเงิน 700 บาท รวมเป็น 1,300 บาท ใช้เลี้ยงชีวิตเท่านั้น ส่วนของการนำของไปขายต้องเหมารถรับจ้างไปแต่ละครั้งก็หลาย ร้อยบาท นาน ๆ จะไปสักครั้งหนึ่ง ด้วยอายุที่สูงวัย ทำมาหากินก็ไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อนแล้ว
คุณลุงสวรรค์ กล่าวว่า วันนี้กำลังประกอบตัวพระพิฆเณศที่ทำจากเศษไม้ เนื่องจากทางอาจารย์กรมศิลป์ได้เข้ามาช่วยออกแบบ ทำให้มีงานทำ ปีที่แล้วมีนักเรียน มาเรียนรู้จากที่นี่ จะสอนให้ฟรี ตรงนี้ทำเพื่อประโยชน์ต่อสังคม ชีวิตที่ผ่านมาลำบากมาก ออกจากบ้านที่ดำเนินสะดวกตอนอายุ 11 ปี ไปทำอาชีพแบกน้ำแข็งอยู่ 6 ปีได้เงินเดือน ๆ ละ 150 บาท และไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯได้เงินวันละ 30 บาท ทำมาปีกว่า เวลาผ่านมาประมาณ 60 ปีแล้ว จากนั้นไปทำงานโรงงานแบกเหล็กอยู่ 6 ปี และออกมารับจ้างทั่วไปอีก เมื่อ ปี 2528 แต่งงานกับภรรยามีอาชีพเป็นหัวหน้าแผนกตัดเย็บทำผ้าอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง จึงหารายได้เสริมด้วยการไปหาซื้อผ้ามาขาย เป็นเสื้อผ้าเด็กขายที่แค้มป์คนงานก่อสร้างตัวละ 10 บาท จึงเป็นจุดเกิด ที่ครอบครัวตนเองมีเงินมากถึง 10 ล้านบาท จากการที่มีจักรเย็บผ้าอยู่เพียงตัวเดียว กลายมามีจักรมากถึง 30 – 40 ตัว ธุรกิจได้เริ่มขึ้น ลงทุนวันนั้นเพียงแค่ 350 บาท ขายได้กำไรเท่าตัว จึงให้ภรรยาลาออกจากงานมาช่วยกันทำธุรกิจตัดผ้า โดยซื้อเศษผ้ามาทำเป็นเสื้อผ้าเด็กขาย ธุรกิจไปได้ดีมากช่วงนั้นและได้ขยายกิจการเย็บผ้า และเพิ่มคนงานมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ทำผ้ามากว่า 40 ปี โดยมีเงินสดอยู่กว่า 10 ล้านบาท คิดว่าทำอย่างไรเงินถึงจะงอกเงยมากขึ้นมาอีก จึงรับเศษผ้าจากอ้อมน้อยไปส่งที่หนองคายกิโลกรัมละ 2 บาทเศษ ไปส่ง จ.หนองคาย กก.ละ 30 กว่าบาท ขายดีมากเพราะนำไปดึงทำเสื้อยืด ทำใยสังเคราะห์ที่ทำฟูก ทำหมอน เศษผ้าเสื้อยืดได้ช่วยเพิ่มมูลค่าในอาชีพ ชุดลำลองนำไปขายชุดละ 120 บาท และขยายแผงร้านค้าเพิ่มมากขึ้น มีรายได้วันละ 1 แสนบาท ทำงานอยู่กว่า 40 ปี ทำให้มีเงินมากขึ้น
แต่ด้วยมีความรู้น้อย ไม่มีประสบการณ์ด้านการค้า มีอย่างเดียวคือกำลังแรงกาย ต่อมาไปเซ้งบูธแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สัญญา 3 ปี เป็นเงิน 1 ล้าน 5 แสนบาท ได้ไปทำงานขาดทุนตรงนั้น เมื่อเสื้อเหลือง เสื้อยืดมาลงช่วงนั้นเริ่มมาตีตลาดแล้ว เสื้อผ้ามือสองก็เข้ามาด้วย ทำให้การเงินเริ่มลดลงเรื่อย ๆ จนหมดตัว จึงบอกกับภรรยาว่า เมื่อเรายังจนอย่าให้เสียเครดิต จึงค่อย ๆ ถอย แม้แต่รถยนต์ตัวเองก็ปล่อยขายจนหมดไม่มีอะไรเหลือเลย แม้แต่จักรเย็บผ้าก็ให้คนงานเอาไปสร้างอาชีพต่อไป จากที่มีเงินเป็นสิบล้านอาชีพนี้ใช้เวลา 40 ปี แต่ก็ต้องมาเจ๊งกับธุรกิจนี้ และได้กลับมาอยู่ที่บ้านดำเนินสะดวกเมื่อปี 2551 ซึ่งเป็นบ้านที่เคยปลูกให้แม่อยู่สมัยนั้น
ส่วนการยึดอาชีพนี้ มองเห็นที่บ้านมีกะลามะพร้าวเยอะ คิดว่าจะทำอะไรดี จึงคิดทำเป็นรถตุ๊ก ๆ ก่อน เมื่อปี 2551 รถตุ๊ก ๆ เป็นเอกลักษณ์ของไทย บังเอิญภรรยานำไปขายที่สนามหลวง มีอาจารย์จากกรมศิลปากรมาพบเข้า จึงแนะนำให้ไปขึ้นทะเบียนเอาไว้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าการจดทะเบียนเป็นสินค้าโอท็อปเป็นอย่างไร ภรรยาได้มาขึ้นทะเบียนที่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี มีเจ้าหน้าที่มาช่วยทำให้ได้เป็นสินค้าโอท็อปขนาด 3 ดาว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาเรื่อย ๆ ทั้งทำเป็นตุ๊กตา รถเวสป้า รถโฟล์ก กลายเป็นของฝาก ของที่ระลึก มีรายได้เพิ่มขึ้น
ต่อมาคุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ เจ้าของโรงงานปั้นโอ่งเถ้าฮงไถ่ จ.ราชบุรี เข้ามาช่วยเหลือให้สถานที่ขาย ที่เริ่มจากรายการคุณปัญญาปันสุข พยายามหาพื้นที่ให้ลุงมีพื้นที่เพื่อวางจำหน่ายสินค้า จึงได้ติดต่อไปที่โรงงานเถ้าฮงไถ่ และร้านกาแฟแต๊งค์ที่ราชบุรี เพื่อวางสินค้า
คุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ เจ้าของโรงงานปั้นโอ่งเถ้าฮงไถ่ จ.ราชบุรี กล่าวว่า พอเห็นรู้เลยว่าลุงมีทักษะฝีมือ การทำผลิตภัณฑ์ได้ แต่ต้องมาเสริมเรื่องความหลากหลายรูปแบบที่ทันสมัย ร่วมสมัยให้เหมาะกับความต้องการทางการตลาดมากขึ้น เลยได้เชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัย 2 ท่าน คือ ผศ.ดร. ชานนท์ ตันประวัติ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และ ผศ.ดร.ธาตรี เมืองแก้ว จากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มาช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดีมีความหลากหลายมากขึ้น ส่วนผลงานของลุงนั้นจะมีโอกาสได้ไปแสดงและจำหน่ายที่งานคราฟแบ็กค็อก 20204 ที่ไบเทคบางนา ระหว่างวันที่ 24 - 28 สิงหาคม 2567 ขอขอบคุณสถาบันส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยที่ให้โอกาสพวกเราและลุงสวรรค์ ได้มีโอกาสนำสินค้าไปจัดแสดงจำหน่ายเพื่อสร้างเป็นรายได้เพื่อให้ลุงสามารถเดินต่อไปด้วยความยั่งยืน
สำหรับขั้นตอนการทำนั้นลุงสวรรค์ บอกว่า ไม่ได้ไปเอามาจากไหน แต่เป็นเพราะความจนเลยทำให้คิดว่าสิ่งไหนที่จะทำขายกลายเป็นเงินทองได้เลี้ยงครอบครัวได้ กว่าจะออกมาเป็นรถคันเล็ก ๆ แต่ละคันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยไปหาซื้อไม้ฉำฉาลักษณะสีเหลืองอ่อน และไม้สักสีจะออกเข้มมีลวดลาย จากทางภาคใต้มาเป็นส่วนประกอบ ราคามัดละ 200 กว่าบาท มี 10 แผ่น นำมาออกแบบเป็นรูปทรงต่างๆกันไป โดยมีการใช้กะลาเป็นส่วนประกอบในบางชิ้นงาน บางชิ้นจะให้น็อต ทากาวประดิษฐ์ออกมาตามจินตนาการ ราคาเริ่มต้นจะเป็นไม้ที่เกาหลังราคาอันละ 25 บาท รถเวสป้าใช้กะละทำหลังคาทาด้วยแล็กเกอร์ให้เงางามขายคันละ 150 บาท รถโฟล์กคันละ 200 บาท เรือทำจากจั่นมะพร้าวลำละ 350 บาท ยังมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งกล้องถ่ายรูป พระพิฆเณศน้อย กะลามะพร้าวแบบแปลก ๆ ราคาแพงสุดอยู่ที่รถตุ๊กๆคันใหญ่ ราคา 800 บาท โดยลุงสวรรค์มีความหวังว่าในชีวิตบั้นปลาย สิ่งประดิษฐ์ที่ลุงได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจประดิษฐ์ขึ้นมาในวันนี้จะช่วยต่อลมหายใจ ช่วยสร้างรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ พอเลี้ยงตัวเองและภรรยาในแต่ละวันต่อไปในบั้นปลายของชีวิตก็เพียงพอแล้ว
สำหรับผู้สนใจอยากจะช่วยเหลือลุงสวรรค์ ฮิงหลวง ให้มีรายได้ สามารถสั่งซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึกไว้ตกแต่งบ้าน หรือจะนำไปขายต่อที่ร้านของตนเอง มีแบบน่ารัก ๆ สไตล์โบราณย้อนยุค ร่วมสมัย ติดต่อสั่งซื้อได้ที่เบอร์ป้าศรีอวน เลิศทอง 080-2762679
//////////////////////////////////////////////////////
พันธุ์ - จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น