ข่าวราชบุรี : ปลาหมอคางดำปราบยาก ระบาดยิ่งกว่าผักตบชวา สามารถหลบช่อนตัวในน้ำ เปลี่ยนแปลงตามสภาพความเป็นอยู่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง พอเจอการล่าจะรีบคายไข่ลงน้ำทันที ถึงตัวเองตาย แต่ไข่ต้องอยู่รอด

            ไปดูนักล่าปลาหมอคางดำกันอีกครั้งจากลุงสุรพล หรือ  ดร.สุรพล สินเกตุ ดีกรีปริญญาเอก 3 ใบ ช่วงที่ผ่านมาได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกหาปลาช่วงรุ่งสางเกือบทุกวัน นำปลาที่จับได้ไปทำเมนูอาหาร และยังแจกให้กับชาวบ้านแบ่งกันกิน เพื่อลดจำนวนประชากรของปลาหมอคางดำ  จากการที่ได้ลงพื้นที่ออกหาปลาหมอคางดำแทบทุกวันตามห้วย ตามคลองสายต่าง ๆ เช่น ลำคลองวัดโพธิ์สามเรือน เชื่อมต่อ ต.พิกุลทอง ต.พงสวาย  อ.เมืองราชบุรี ไปจนถึงที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เชื่อมต่อ จ.สมุทรสงคราม แต่ละวันก็ได้ปลามากมาย ทั้งปลานิล ปลาหมอคางดำ ปลาตะเพียง ปลาแก้มช้ำ ปลาสร้อยขาว ปลาแขยง ติดมาด้วย   ที่สำคัญวันนี้ลุงได้ปลานิลตัวใหญ่มาก  นำมาวางเรียงรวมกับปลาหมอคางดำที่มีมากกว่า 10 กิโลกรัม  ซึ่งก็มีขนาดใหญ่ไล่เลี่ยกัน ทำให้รู้สึกตกใจและแปลกใจมากที่ทำไมวันนี้ขนาดของปลาหมอคางดำที่จับได้ถึงมีขนาดตัวใหญ่มาก  เท่า ๆ กับปลานิล ซึ่งผ่านมาเคยจับได้ขนาดประมาณ  3  นิ้วหรือ เล็กกว่านั้นเล็กน้อย  พอเอานำวางเรียงกันและตากแดดให้เห็นชัด ๆ พบว่าเกร็ดของปลาหมอคางดำที่ตัวใหญ่กับตัวเล็กจะไม่เหมือนกันแล้ว เนื่องจากหากมองดี ๆ จะพบว่าเกล็ดของปลาหมอคางดำจะไม่เงาวาวเขียวเหมือนกับตัวขนาดเล็กที่จะแวววาวกว่า แถมที่ใต้คางก็ยังไม่มีสีดำอีก เมื่อเทียบกับปลานิล  จะมีลักษณะครีบและเกล็ดสีที่แตกต่างกัน แต่ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ปลานิลกับปลาหมอคางดำจะคล้ายกันมาก 

                 ดร.สุรพล สินเกตุ  เปิดเผยว่า  ตนเองจับปลาหมอคางดำกินมานาน  7 – 8  ปีแล้ว  ตอนแรกคิดว่าเป็นปลาหมอเทศ ตอนนั้นไปหาจับแถวพื้นที่คลองโคน จ.สมุทรสงคราม  แต่สังเกตเห็นคางเป็นสีดำ และปลาหมอเทศก็หายไป  ที่แตกต่างจากปลาหมอเทศคือ เพื่อนบอกว่า ให้มองดูสีว่าเหมือนสีของปลากะพงแดง  เกล็ดจะมีลักษณะเงาวาว  แต่ปลาหมอเทศเกล็ดจะไม่เงาวาว เพื่อนเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลากะพงต้องขายบ่อทิ้ง  แล้วไปทำไร่สับปะรดอยู่ อ.สวนผึ้งแทน สู้ไม่ไหว ปล่อยปลากะพงไป  5  หมื่นตัว จับได้ปลากะพงแค่ร้อยกว่าตัว ปล่อยกุ้งลงไปกุ้งไม่เหลือเลย ชี้ให้เห็นว่ากุ้งคือ อาหารอันโอชะของปลาหมอคางดำ เวลาที่เข้ามาสู่น้ำจืดอย่างที่ อ.ปากท่อ ได้ไปตามเจออยู่กับปลาสร้อย ปลาตะเพียนแดง ปลาตะเพียนขาว ปลาหมอ ยิ่งน้ำใสจะมองเห็นตัวชัดเจนมาก เวลาที่เจอตัวเงินตัวทองจะจับปลากิน ปลาหมอคางดำจะพองตัวคอยปกป้องฝูงปลาพวกนี้ ที่อยู่ด้วยให้ปลอดภัย ยากต่อการกำจัดให้หมดจริง ๆ  

               การเปรียบเทียบระหว่างปลานิล และปลาหมอคางดำตัวโตสุด คือ สังเกตที่สีคางของปลาหมอคางดำเริ่มจางลง อยู่ในช่วงที่กำลังหมดอายุ หรือแก่มากแล้ว  อีกไม่นานก็จะตายลง เพราะหมดอายุ ความเงาของเกล็ดก็ไม่เหมือนกันแล้ว  สังเกตเกล็ดปลาหมอคางดำจะเงากว่าปลานิล ครีบปลาหมอคางดำกับปลานิลก็จะมีทรงต่างกัน  ดวงตาก็ต่างกัน ปลานิลจะมีดวงตาออกแดง ๆ กว่าปลาหมอคางดำ  ทั้งแก้มและลำตัวก็ยังต่างกัน จากสภาพที่ต่างกันนี้มองว่าปลาหมอคางดำไปปรับตัวกับสภาพพื้นที่ แต่ละที่ ได้ไปหลบอาศัยอยู่เพื่อลี้ภัย อย่างตัวที่จับมาได้พบอยู่บริเวณคลองที่มีจำพวกวัชพืชสาหร่ายเยอะ  ทำให้ลำตัวต้องปรับสีไปตามธรรมชาตินั้น ๆ เพื่อหลบภัยจากศัตรูให้ได้ 

                  ทางด้าน นายอนันต์  สุนทร ประมงจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ ( 6 ส.ค. 67 )  จะนัดหารือกับสถานีพัฒนาที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมเตรียมเดินทางไปดูที่จุดรับซื้ออยู่ที่สหกรณ์ประมงบางแพ  อ.บางแพ จ.ราชบุรี เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจ แต่ว่าแผนยังไม่ทราบว่า  ส่วนที่เราจะซื้อได้ก็คือฟาร์มเลี้ยงของเกษตรกร แต่จับทางธรรมชาติคงจะไม่พอขาย  เพราะมันได้ปริมาณไม่มาก พรุ่งนี้ถึงจะชัดเจน เพราะต้องนัดคุยกันให้เคลียร์ก่อน แล้วอาจจะดูเรื่องเป้าหมายด้วย  เป็นการช่วยเหลือเกษตรกร  ที่ได้รับผลกระทบ  ซึ่งทางสำนักงานประมงมีการกำจัดในทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จนถึงสิ้นเดือนกันยายน ซึ่งได้ไปจับตามแหล่งธรรมชาติ แต่ที่เป็นบ่อเลี้ยงคงจะให้เอามาขายที่จุดรับซื้อ 

                สำหรับพื้นที่ จ.ราชบุรี  ยังไม่ได้มีการระบาดมากเหมือนบริเวณชายฝั่ง มีประมาณไม่เกิน  20  เปอร์เซ็นต์ของปลาที่มีอยู่ในธรรมชาติทั้งหมด  ดังนั้นการควบคุมจึงไม่ยากเท่าที่ควร โดยจะปล่อยปลาผู้ล่าลงไปหลังจากมีการกำจัดแล้ว ก็คงจะช่วยได้เป็นอย่างดี ส่วนวันที่ 21  สิงหาคม ทางผู้ว่าราชการจังหวัด มีคำสั่งให้จัดกิจกรรมรณรงค์ นำร่องพื้นที่หมู่ที่ 7 ต.ปากท่อ อ.ปากท่อ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกให้ทุกอำเภอที่พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เพื่อเป็นการรณรงค์กำจัดปลาหมอคางดำ

  /////////////////////////////////////////////////////

พันธุ์ - จรรยา   แก้วนุ้ย  จ.ราชบุรี
















ความคิดเห็น