ข่าวราชบุรี : เจ้าของสวนทุเรียนใน ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ปลูกทุเรียนเกือบ 20 สายพันธุ์ พื้นที่กว่า 160 ไร่ ปีนี้ออกเยอะมาก ไฮไลท์ทุเรียนบ้านติดลูกปีแรก เล็กพริกขี้หนู มีปลูกที่นี่แห่งเดียว รสชาติหวานมันแหลมถึงใจ เตรียมจัดแคมเปญ 5 ก.ค. สมนาคุณลูกค้า ที่จะต้องเดินตามหาทุเรียนสายพันธุ์สาลิกาในสวนให้พบ ถ่ายภาพมาได้ รับทุเรียนหมอนทอง 1 ลูก เป็นรางวัล
พาไปชิมทุเรียนที่สวน “ ฟารม์รักนายทุเรียน ” ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นสวนของนายพีรพงษ์ ไตรงามวัฒนา อายุ 61 ปี ชาวกรุงเทพฯ อดีตเคยทำอาชีพเปิดสำนักงานทำบัญชี อยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 2540 เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ได้ผันชีวิตมาทำสวนทุเรียน ลองผิด ลองถูก อยู่หลายครั้ง ต้นทุเรียนล้มตายไปหลายพันต้น แต่ก็ไม่ย่อท้อ พยายามศึกษาหาความรู้การปลูกเกือบ 20 สายพันธุ์ เนื้อที่ประมาณ 160 ไร่ ผสมผสานกับการปลูกผลไม้อีกมากมาย เช่น เงาะ มังคุด อะโวคาโด้ ส้มโอ ส้มเช้ง กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ลองกอง ส่วนทุเรียนก็จะมีสายพันธุ์ ชะนี มูซันคิงส์ สาลิกา หนามดำ นกหยิบ กระดุม หลงลับแล ทองลินจง โดยเฉพาะพันธุ์หมอนทองปลูกมาสุดถึง 700 ต้น ปีนี้ติดลูกดกมาก มีทั้งลูกเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งพันธุ์หมอนทองจะเริ่มตัดในชุดแรกประมาณวันที่ 5 กรกฎาคมนี้
แต่ที่เป็นไฮไลท์เด็ดของสวนนี้ จะเป็นทุเรียนที่น่าจะมีขนาดเล็กที่สุดในสวนก็ว่าได้ เป็นทุเรียนบ้าน หวาน หอม อร่อย รสชาติถึงใจ ทางเจ้าของสวนได้นำเมล็ดพันธุ์ทุเรียนบ้านมาปลูกประมาณ 20 ต้น เพื่อนำยอดทุเรียนพันธุ์หมอนทองไปเสียบยอด แต่ยอดหมอนทองกลับตายหมด ทำให้ต้นทุเรียนบ้านเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ตามปกติทุเรียนบ้าน เป็นพันธุ์ที่จะปลูกขึ้นอยู่ในท้องถิ่นภาคใต้ ตามภูเขาสูง ต้นมีความสูงใหญ่มาก ต้องรอให้ลูกสุกถึงจะหล่นลงมาเท่านั้น จึงจะได้กินลูก แต่สามารถนำมาปลูกในพื้นที่ราชบุรีได้ นักว่าเป็นสวนแรกก็ว่าได้ ลักษณะลูกใหญ่เท่ากำปั้นมือเล็กน้อย หรือประมาณลูกละ 6 ขีด ถึง 1 กิโลกรัม เนื้อข้างในจะบาง เม็ดใหญ่ แต่มีรสชาติหวาน หอมอร่อย เนื้อมีทั้งสีอ่อนและสีเหลืองเข้ม ส่วนใหญ่จะอยู่ทางภาคใต้ นักท่องเที่ยวจะชอบซื้อมารับประทานมาก อีกทั้งเป็นทุเรียนที่หากินยากมาก
นายพีรพงษ์ ไตรงามวัฒนา เจ้าของสวน กล่าวว่า ที่สวนปลูกทุเรียนกว่า 10 สายพันธุ์ หมอนทอง 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด ชะนี 10 เปอร์เซ็นต์ สาลิกา 100 ต้น นอกนั้นจะเป็นพันธุ์ หนามดำ มูซันคิงส์ หลงลับแล นวลทองจันทร์ บนพื้นที่รวมทั้งหมด 160 ไร่ ส่วนใหญ่ใช้สารไตรโคเดอม่าเป็นหลัก ฉีดพ่นดูแล ยังมีพวกบิวเวอเรียฉีดพ่นกันแมลง
แต่มีทุเรียนบ้านสายพันธุ์หนึ่ง ที่ยังไม่ทราบชื่อ เดิมจะเอาเมล็ดทุเรียนบ้านมาปลูกเพื่อเสียบยอดด้วยพันธุ์หมอนทอง แต่มาเจอภัยแล้งทำให้ยอดทุเรียนตาย แต่ต้นทุเรียนบ้านยังอยู่ เกิดความแข็งแรงก็เลยรอดตายอยู่ประมาณ 20 ต้น ในจำนวนนี้จะต่างสายพันธุ์กันหมด ต้นที่มีขนาดลูกเล็กสุดประมาณ 6 ขีด ถึง 1 กิโลกรัม ส่วนรสชาติกลับมีความเด่นที่สุดในไร่ ต้องแย่งกันซื้อจนหมดสวนไปแล้ว เนื่องจากมีความหวานแบบติดลิ้น แต่เนื้อน้อย ปกติขายอยู่กิโลกรัมละ 50 บาท หรือ 1 ลูกนี้ประมาณ 30 บาท คนที่ภาคกลางไม่ค่อยรู้จักทุเรียนบ้าน ขายไม่ค่อยได้ เพราะยังไม่รู้รสชาติ เคยเอาเข้าไปขายกรุงเทพฯ ซึ่งจะมีกลุ่มชาวใต้ที่รู้จักทุเรียนพันธุ์นี้ก็เลยขายได้ดีในกรุงเทพฯ ปีนี้อาจจะได้ไม่มากเพราะเป็นเกษตรกรมือใหม่คงพอเลี้ยงคนงานได้ แต่คาดว่าน่าจะมีรายได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
โดยวันที่ 5 ก.ค. 68 นี้ ทางสวนจะกำหนดเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าฟรี มีจัดแคมเปญ จะประชาสัมพันธ์ทุเรียนสาลิกา ถ้าใครไปถ่ายป้ายต้นพันธุ์สาลิกาจากสวนมาได้ภายใน 1 ชั่วโมง ก็จะให้ทุเรียนหมอนทอง 1 ลูก โดยทุเรียนพันธุ์สาลิกาเป็นทุเรียน GI ของ จ.พังงา เนื่องจากเคยไปลองชิมแล้วติดใจรสชาติเลยสั่งต้นพันธุ์มาปลูก ออกลูกมา 2 ปีแล้ว มีความอร่อยมาก แต่ขายไม่ค่อยได้ จึงแจกคนชอบ โดยจะเขียนป้ายติดไว้ที่ต้นทุเรียนพันธุ์สาลิกา ถ้าใครไปถ่ายรูปต้นทุเรียนมาได้ ก็จะให้ทุเรียนพันธ์หมอนทอง 1 ลูก กำหนดเวลาตั้งแต่ 10 โมง ต่อ 1 ลูก สิ้นสุดที่เวลา 17.00 น. เพื่อต้องการที่จะให้ลูกค้า นักท่องเที่ยว ได้รู้จักไร่ รู้จักต้นทุเรียนพันธุ์สาลิกา ปีหน้าอยากให้มาดูพันธุ์ทุเรียนนี้ที่ไร่ ซึ่งจะทำแพ็กเป็นพรีเมี่ยมใส่กล่องติดยี่ห้อสวนจำหน่ายลูกละ 150 - 200 บาท สำหรับเนื้อทุเรียนพันธุ์สาลิกาจะมีรสชาติผสมระหว่างมูซันคิงกับพันธุ์ชะนีก้ำกึ่งคล้ายกัน รสชาติออกจัดจ้าน เนื้อนิ่มถ้าปล่อยให้สุก ข้อดีของสาลิกาคือ กินแล้วไม่เรอ กลิ่นน้อย ที่ไร่ปีหน้าจะขายพันธุ์สาลิกาประมาณกิโลกรัมละ 120 บาท โดยทุเรียนบ้านอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 90 วัน สาลิกา 90-100 วัน ชะนี 120 วัน ปัจจุบันรอบแรกตัด ชะนี สาลิกา มูซันคิงส์ ตัดหมดไปแล้ว จะเหลือหลักๆ 80 เปอร์เซ็นต์ คือ พันธุ์หมอนทอง
บรรยากาศช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวชม เดินชิมเงาะในสวนกันอย่างคึกคักไม่ขาดสาย ทั้งยังถ่ายรูปกับลูกทุเรียน มังคุด เดินจนเพลินมีความสุข ส่วนหากใครมาช่วงนี้จะมีทุเรียนพันธุ์ชะนีขายอยู่กิโลกรัมละ 100 บาท ถ้าวันไหนมีทุเรียนสุกก็จะผ่าให้นักท่องเที่ยวได้ชิมกันสดๆจากสวน และยังมีกระท้อน ส้มโอพันธุ์เขาใหญ่ ทับทิมสยาม และผลไม้อีกหลายชนิดมาวางให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกลับไปรับประทานในราคาย่อมเยาว์
สำหรับสนใจจะมาเที่ยวชม ชิม ทุเรียนสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สวนฟาร์มรักนายทุเรียน เบอร์ 081-1465157 และ 094-5653695
///////////////////////////////////////////////////////
พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น