ข่าวราชบุรี : อาจารย์จาก ม. ราชภัฏจอมบึง จ.ราชบุรี ฝึกสอนชาวบ้านใช้กาบกล้วยสายพันธุ์ตะนาวศรี ของดีในท้องถิ่นมาทอเสื่อ สานทำกระเป๋า ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยใช้ใบไผ่และดอกทองกวาวทำเป็นสีย้อมแบบธรรมชาติ เพิ่มมูลค่าสู่การสร้างงานสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน สนองพระราชดำริฯ

               เส้นใยบาง ๆ ที่ทำมาจากต้นกล้วยน้ำว้าตะนาวศรี ซึ่งมีในท้องถิ่นของ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี เป็นกล้วยน้ำว้าสายพันธุ์หนึ่ง  ที่พบได้ในแถบเทือกเขาตะนาวศรี กล้วยพันธุ์นี้จะมีลำต้นสูงใหญ่ ประมาณ 3.5 - 4.5 เมตร ลำต้นมีสีเขียว  ประดำเล็กน้อย ซึ่งชาวบ้านได้มีแนวคิดนำมาตัดท่อน เอากาบที่ได้จากต้นมาฉีกเป็นเส้นนำไปตากแดดเพื่อนำมาสานเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  นำมาทอเป็นเสื่อ  ที่รองจาน แก้วน้ำ หรือใส่ช้อนส้อม ดูสวยงามแปลกตา  ที่สำคัญยังได้นำใบไผ่ตง และดอกทองกวาวที่มีอยู่ในธรรมชาติมาทำเป็นสีย้อมเกิดความสวยงามแบบธรรมชาติ  เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ 

               โดยมีคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และประธานกลุ่มโอท็อปบ้านไร่อบมายันต์  คอยเป็นพี่เลี้ยงสอนชาวบ้าน และนักเรียนโรงเรียนบ้านร่องเจริญ  ในโครงการเพิ่มมูลค่าให้กาบกล้วยน้ำว้าพันธุ์ตะนาวศรี เป็นผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน   เพื่อสนองพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี   ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  หรือ อพ.สท.   โดยมีเรืออากาศโท  ณรงค์เดช  แก้วอุย  นายอำเภอบ้านคาเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ ที่โรงเรียนบ้านร่องเจริญ  เพื่อพัฒนาต้นแบบสินค้าตามเส้นใยกล้วยที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติ ย้อมมาจากดอกทองกวาว และใบต้นไผ่ตง  ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอ ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น  เป็นการเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการตลาดของสินค้าที่พัฒนาขึ้น กลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ อ.บ้านคา   โดยกิจกรรมภายใต้โครงการมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะ การฝึกปฏิบัติจริงและเชื่อมโยงสู่โอกาสเชิงธุรกิจในระดับชุมชน ที่นี่โรงเรียนบ้านร่องเจริญยังมีหลักสูตรการเรียนการสอนการทอเสื่อจากใบสับประรดมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและโรงเรียนด้วย  

                   อาจารย์ ดร.รัชนิดา  รอดอิ้ว  คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กล่าวว่า เป็นโครงการ อพ.สท. ที่ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง  ได้รับงบประมาณมาพัฒนาอนุรักษ์พันธุ์พืช คิดว่าการอนุรักษ์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่จะต้องสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นด้วย การอนุรักษ์จะเกิดขึ้นได้ดีต่อเมื่อมีรายได้เกิดขึ้นต้องการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยตะนาวศรี ซึ่งเป็นกล้วยน้ำว้ามีอยู่มากในพื้นที่ ลักษณะเด่นของกล้วยพันธุ์นี้ จะมีรสชาติอร่อย ต้นใหญ่ ใบหนา  ทนแล้งได้ดี จึงใช้วัตถุดิบที่หาได้ในชุมชนที่มีอยู่มากมาแปรรูปโดยตัวผลขายได้อยู่แล้ว แต่ตัวที่เหลือคือ ต้นกล้วย ปัจจุบันตัวไส้แกนได้เอาไปแปรรูปเป็นน้ำยาหยวกกล้วย แต่ปัจจุบันเหลือทิ้งตรงกาบ จึงเอาส่วนนี้มาทำเป็นเส้น โดยได้รับคำแนะนำจากวิทยากรมาสอนการทอ และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยมาดูเรื่องไม่ให้กาบกล้วยขึ้นรา 

                   สำหรับขั้นตอนการทำจะตัดต้นกล้วยตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 2 เมตร นำมากรีดเป็นเส้นเล็ก ๆ เอาไปตากแดดให้แห้ง เส้นของกล้วยมีลักษณะสีขาว มีลวดลายธรรมชาติ เป็นสีออกม่วงแดง เมื่อทอออกมาแล้วจะมีลวดลายตามธรรมชาติที่สวยงาม นอกจากนี้เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าก็ได้ใช้ดอกทองกวาวในการย้อมออกมาเป็นสีเหลือง แต่ก็ยังคงมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกาบกล้วยอยู่เล็กน้อย   ย้อมสีโดยใช้ใบไผ่ตงมาตากให้แห้งแล้วปั่นเป็นผง จะได้ออกมาเป็นสีเขียว  จากนั้นนำไปขึ้นรูปกว้าง 50 ซม. ยาว 2 เมตร เมื่อได้เสื่อทอเสร็จแล้วจะมีคุณสมบัติพิเศษคือ มีความหนา  นิ่ม  มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เวลานอนก็จะได้กลิ่นของกาบกล้วยคล้ายกล้วยน้ำว้าที่ตากแห้ง    สามารถนำมาทำเป็นกระเป๋า ข้างในบุด้วยผ้าฝ้ายตัดเย็บสวยงาม ที่ใส่ช้อนส้อม จานรองแก้ว  โดยชุดจานใน 1 เซต ขายราคาชุดละ 700 บาท  ประกอบด้วย จานรอง 2 ใบ  ที่รองแก้ว 2 อัน  ที่ใส่ช้อนส้อม 1  ชุด  ส่วนกระเป๋าขายใบละ 500 -1,000 บาท ส่วนช่องทางการจะขายผ่านทางเฟซบุ๊ก ลาซาด้า และยังมีการวางขายตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในพื้นที่  


                 นางธนัชญา  อบมายันต์  ประธานวิสาหกิจชุมชนใบสับประรด  และประธานกลุ่มโอท็อปบ้านไร่อบมายันต์  กล่าวว่า ชาวบ้านที่มาวันนี้มีกลุ่มที่มีชื่อว่ากลุ่มโอท็อปบ้านไร่อบมายันต์ และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์จากใบสับประรด   เนื่องจากผู้อำนวยการโรงเรียนได้นำภูมิปัญญาด้านการทอมาเป็นหลักสูตรท้องถิ่นบ้านร่องเจริญ แต่ละหลักสูตรจะมีครูสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาสอนเด็ก ๆ ในการทำเส้นใยสับประรด ส่วนโครงการนี้เข้ามาเพื่อผสมผสานในงานที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดงานได้มีความหลากหลายมากขึ้น  

               นายสุรพล  อบมายันต์  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านร่องเจริญ กล่าวว่า โรงเรียนได้ทำหลักสูตรที่เป็นความต้องการของท้องถิ่นและเป็นผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นอยู่แล้ว  เนื่องจากท้องถิ่นปลูกสับประรดเป็นส่วนใหญ่ จึงมีหลักสูตรการทอเสื่อด้วยใบสับประรดเกิดขึ้น สอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล- ป.6  ชั้นอนุบาลจะนำใบสับประรดมากรีดนำมาพันด้วยรูปต่างๆที่เด็กต้องการมีความชอบ   ส่วน ป.1-3 เป็นการถักด้วยใบสับประรด  ป.4-6  เป็นการทอเสื่อแล้วนำมาตัดเป็นกระเป๋า ที่รองแก้ว รองจาน  โรงเรียนสามารถหาเครือข่ายขยายผลมาสู่การทอเสื่อด้วยกาบกล้วย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นคนเดียวกัน และมาขยายผลสู่โรงเรียนเพื่อนำมาเป็นหลักสูตรการทอเสื่อด้วยกาบกล้วย  เป็นความต้องการที่อยากให้เด็กได้รักท้องถิ่นของตนเอง  เพื่อให้อาชีพนี้อยู่กับท้องถิ่น หลังจากที่ปราชญ์ชาวบ้านหายไปแล้ว แต่หลักสูตรจะอยู่กับโรงเรียนตลอดไป เด็กได้เรียนรู้ เรียนในสิ่งที่ชอบ ชอบในสิ่งที่เรียน 

               สำหรับสถานศึกษา หรือ หน่วยงานต่าง ๆ ที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามได้ทางเฟซบุ๊กของโรงเรียนบ้านร่องเจริญ   หรือ ผู้อำนวยการ เบอร์  085-7729234 

            

                                         ///////////////////////////////////////////////////////////

พันธุ์ - จรรยา  แก้วนุ้ย  จ.ราชบุรี














































ความคิดเห็น