ข่าวราชบุรี : รองอธิบดีกรมประมงเปิดสัมมนา ลงเบียนรับสิทธิ์ส่งกุ้งก้ามกรามไปประเทศจีน ที่ศาลาอเนกประสงค์วัดลำน้ำ อ.บางแพ จ.ราชบุรี มีสมาชิก เครือข่ายเข้าร่วม เพื่อกำหนดทิศทางการส่งกุ้งที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน
ที่ศาลาอเนกวัดลำน้ำ ต.ดอนใหญ่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเปิดสัมมนาวิชาการ หัวข้อ “ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ ส่งกุ้งก้ามกรามไทยไปจีน ” โดยมีนายสมบัติ เสียมทอง นายอำเภอบางแพ นายอำนาจ จีนขาวขำ ประมงจังหวัดราชบุรี นางสาวสุรังษี ทัพพะรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี นายประกอบ ทรัพย์ยอดแก้ว นายกสมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย นายกุลฑล ปูรณวัฒนกุล ประธานเครือข่ายธุรกิจบัสคลับราชบุรี และสมาชิกเครือข่ายเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งจากทั่วประเทศเข้าร่วม
นายประกอบ ทรัพย์ยอดแก้ว นายกสมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย เปิดเผยว่า พื้นที่ภาคกลางประกอบด้วย จ.ราชบุรี จ.นครปฐม จ.สุพรรณบุรี จ.กาญจนบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และมีอีกหลายจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะ จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามจำนวนมาก พื้นที่ภาคกลางมี 13,500 ฟาร์ม มีพื้นที่เลี้ยง 128,000 ไร่ มีผลผลิตเฉลี่ย 5 - 7 หมื่นตันต่อปี คนที่เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามมีโอกาสทำตลาดกุ้งส่งออกไปยังประเทศจีน และอีกหลายประเทศ จากการประสานงานทุกภาคส่วน ทั้งกรมประมง และส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกษตรกรในพื้นที่รวมตัวกันเพื่อจัดงานสัมมนาวิชาการขึ้น ได้รับความร่วมมือจากประมงหลายจังหวัดพร้อมทั้งภาคเอกชน มีฟาร์มเพาะเลี้ยงต่าง ๆ เข้าร่วมสัมมนาในวันนี้ด้วย ในงานได้มีทีมวิทยากรมาบรรยายให้ความรู้การจัดการทำมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อบริโภคจากกรมประมง คือ กองตรวจสอบคุณภาพสินค้าจากกรมประมง กองตรวจพัฒนาระบบการรองรับมาตรฐานสินค้ากรมประมง หน่วยงานจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มาให้ความรู้เกี่ยวกับมุมมองการเฝ้าระวังโรค การแลกเปลี่ยนความรู้ การออกบูธของภาคเอกชนต่าง ๆ ให้คำแนะนำและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ จำนวน 38 บูธ
สำหรับการจัดงานวันนี้ เพื่อให้เกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งได้เตรียมตัวมีความพร้อมในการจัดทำมาตรฐานฟาร์ม เพื่อการส่งออกกุ้งก้ามกราม ซึ่งจะนำไปสู่การรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง และให้ทราบแนวทางการเลี้ยงที่ลดต้นทุนให้มีผลผลิตตรงตามความต้องการของลูกค้า มีความเข้าใจเรื่องโรคของกุ้งในการเฝ้าระวังการเลี้ยงเพื่อช่วยลดการสูญเสีย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
นายมานพ หนูสอน รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กุ้งก้ามกรามถือเป็นสัตว์น้ำจืดเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เนื่องจากเป็นที่นิยมของผู้บริโภค และมีความต้องการสูงทั้งในและต่างประเทศ กรมประมงจึงได้ให้ความสำคัญและส่งเสริมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้นโยบายของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งเน้นการยกระดับสินค้าเกษตรของไทย เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืน กรมประมงได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพการผลิตกุ้งก้ามกรามมีชีวิตเพื่อส่งออก โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มปริมาณการผลิตให้ได้ 55,000 ตัน เพื่อส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีความต้องการบริโภคกุ้งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ GACC ได้อนุมัติให้เพิ่มรายชื่อ “ กุ้งก้ามกรามมีชีวิต ” ในบัญชีสินค้าที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ารวมทั้งรับรองรายชื่อฟาร์ม และสถานบรรจุสัตว์น้ำจากประเทศไทย ที่สามารถส่งออกุ้งก้ามกรามมีชีวิตไปยังจีนได้ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของวงการประมงไทย และเป็นโอกาสดีในการสร้างรายได้ของเกษตรกร ซึ่งผู้เพาะเลี้ยงที่จะส่งออกกุ้งไปยังประเทศจีน จะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดี หรือ GAP และมีสถานบรรจุสัตว์น้ำที่ผ่านการตรวจสอบตามข้อกำหนดของกรมประมงรวมถึงปฏิบัติตามระเบียบการนำเข้าของทางการจีนอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคว่าสินค้าประมงของไทยมีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัย รวมถึงสามารถคงความสดใหม่ได้ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยกรมประมงได้กำหนดแนวนโยบายสำคัญเพื่อส่งเสริมและผลักดันการส่งออกกุ้งก้ามกรามไทยไปจีน มุ่งเน้นให้ระบบการผลิตมีมาตรฐาน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
///////////////////////////////////////
พันธุ์ - จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น